หนัง musical The Matrix : Clubbed to death หากคนใดเป็นแฟนพันธ์แท้ The Matrix น่าจะจำฉากสำคัญกันได้ อย่างในตอนที่ ‘Morpheus’ พา ‘Neo’ ไปสู่โหมด ‘Training Program’ ซึ่งจะเป็นฉากบนท้องถนนที่ทุกท่านเดินส่วนกันไปมา..และแล้ว ‘สาวชุดแดง’ (Women in Red) ก็ปรากฎขึ้น..จนทำให้ ‘Neo’
เพลินมองตามสายตาที่ดึงดูดของเธอไปไม่ได้!!(แต่เมื่อหันกลับไปชมอีกรอบ่ กับเปลี่ยนเป็นยุทธเคล็ดลับที่ Agent Smith แอบแฝงตัวมานั่นเอง) และซาวด์ที่ใช้ประสมในฉากนั้น คือเพลง ‘Clubbed to death’ ของขอความปรานีิวซ์โดย ‘Rob Dougan’ ครับ โดยยึด สไตล์ Neo-Classical ผสม Electronica เป็นพื้นครับ!!
La La Land
มาเริ่มกันที่เรื่องแรกเลยเป็นต่อกว่าพูดได้เลยว่าเพียงแค่พูดชื่อเรื่องไป หนังmusical คนไหนๆ ก็ต่างจำเป็นต้องรู้จักดีอย่างแน่ๆกับ La La Land ที่ค้วารางวัลออสการ์ครั้งที่ 89 ประจำปี 2017 ไปถึง 6 รางวัล ไล่ไปตั้งแต่ สาขานักทำให้รู้นำหญิงยอดเยี่ยมจาก เอ็มมา สโตน, สาขาผู้กำกับภาพยนตร์ยอดเยี่ยม,
สาขากำกับรูปยอดเยี่ยม, สาขาลำดับชั้นภาพยอดเยี่ยม, สาขาดีไซน์งานสร้างดีเยี่ยมที่สุด และสองรางวัลสองสาขาท้ายสุดที่รับรองความเป็นหนังดนตรีโคตรประสิทธิภาพนั่นก็คือ สาขาดนตรีประกอบภาพยนตร์ยอดเยี่ยมและสาขาเพลงเจือรูปยนตร์ยอดเยี่ยม (City of Stars) รางวัลเยอะๆขนาดนี้อาจไม่จำเป็นจะต้องกล่าวเลยว่าหนังหัวข้อนี้มันดีแค่ไหน
หนัง musical La La Land
เป็นเรื่องเหมือนกับเกี่ยวกับ ความรักในนครแห่งความฝัน โดยหนังประเด็นนี้จัดเป็น หนัง Musical ที่พูดเลยว่าเพลงในหัวข้อนี้ดีทุกเพลง และทุกเพลงที่ปลดปล่อยมาแต่ละฉากโคตรเหมาะสมกับซีนนั้นๆ เป็นเป็นอย่างมาก หนังเกิดเรื่องราวกับเกี่ยวกับ มีอา สาวผู้ใฝ่ฝันอยากเป็นซุปตา ที่รับบทโดย เอ็มมา สโตน และเซบาสเตียน ชายหนุ่มนักดนตรีแจ๊ส ที่รับบทโดย ไรอัน กอสลิ่ง
แรงขับเคลื่อนเขยื้อนของหนังหัวข้อนี้คือ “ความรักและความฝัน” เพลงของพี่โจ้ลอยมาอย่างยิ่งจริงๆ “หากเคียงชิดใกล้ แต่เธอจำเป็นที่จะต้องทิ้งทั้งหมดทุกอย่างเพื่อฉัน” จะทิ้งฝันแล้วมารักกัน และเดินตามฝันแทอดทิ้งกันไป หนังจะจั่วสองหัวข้อนี้เป็นพื้น ด้วยการร้อยเรียงผ่านบทเพลงที่ถูกขับร้องออกมาจากตัวเอ็มมา สโตนและไรอัน กอสลิ่ง หนังค่อนข้างจะจะปวดและดราม่าพอสมควร โดยยิ่งไปกว่านั้นฉากจบ “รู้เรื่อง เจ็บ และงดงาม”
MAMA MIA! (Netflix) หนังที่สร้างจากละครเวทีชื่อเรื่องเดียวกัน โดยได้นำเอาเพลงฮิตของ ABBA มาเรียบเรียงเป็นเรื่องอย่างกับของคุณแม่เลี้ยงเดี่ยวที่กำเนิดความวุ่นวาย เมื่อบุตรสาวที่กำลังจะแปรเปลี่ยนเป็นเจ้าสาวจำอยากมีพ่อมาร่วมงาน..ก็เลยจำใจจะต้องเชิญคนรักเก่าของแม่ทั้ง 3 มาเพื่อจะหาจริงๆแล้ว
The Phantom of the Opera (2004) เป็น musical เรื่องโปรดของแอดหมี โรงภาพยนตร์ที่ 3 ที่นั่ง E12 อย่างยิ่งจริงๆ รีวิวนี้ของแอดหมีก็เลยคงอาจจะเป็นส่วนบุคคลอยู่บ้าง เชิญอ่านได้เลยจ้า (ผมอ่านแล้วโคตรอยากชมเลยว่าจะน้ำเน่าสักเท่าไรเชียวแหม่)
ผมเป็นผู้คนที่มิได้ขอความปรานีปรานหนัง musical และดนตรีโอเปร่า… แต่ผมรัก The Phantom of the Opera เพราะอะไรผมถึงรักบทละครชุดนี้มาก มันมีที่มาครับแหม่
เรื่องจริงมันยาวราวๆเอ็นไซโคปีเดียเล่าสามวันสามคืนน่าจะไม่จบเลยจะขอเล่าแบบย่นย่อละกันครับ(ซักถามเค้าก่อนว่าต้องการทราบกับเอ็งมั๊ยฮะ…) เรื่องของเรื่องคือผมโตมากับการ์ตูนนักสืบชุดคินดะอิจิกับคดีฆาตกรรมปัญหา(บันเทิงใจมากนำเสนอเลยจ้า) สถานะการณ์คร่าว ๆ ก็เกี่ยวกับไอ้หนุ่มนักสืบมัธยมปลายที่เข้าไปพัวพันกับคดีฆาตกรรมต่าง ๆ และรวมทั้งได้ช่วยตำรวจไขคดีไปเรื่อยๆ ๆ ฉากการฆาตกรรมมันก็จะเปลี่ยนไปตามเนื้อเรื่องโดยเอาตำนานโน่นนี่นั่นมาพาดพิงบ้างเพื่อจะให้ได้อรรถรส
Once
คนใดที่เป็นสายโฟล์กอาจจะเป็นไปไม่ได้พลาดประเด็นนี้อย่างแน่ๆ มิวสิคัลที่เล่าเรื่องของนักดนตรีสองคนในเมืองดับลิน ไอร์แลนด์ คนนึงเป็นหนุ่มนักดนตรีเปิดหมวกที่จิตใจพูดช้ำมาจากรักครั้งเก่า เล่นดนตรีหาเลี้ยงชีพไปวัน ๆ ที่ศีรษะมุมถนน อีกคนคือสาวเช็กที่ย้ายมาอยู่ที่นี่พร้อมครอบครัวอย่างอัตคัด จนวันหนึ่งเธอได้เดินผ่านมาเจอเขาเล่นดนตรีอยู่ดิ่งที่ประจำ และทั้งสองก็รู้จักดีกันตั้งแต่วันนั้น แม้ว่าจะเริ่มต้นจากการเอาเครื่องดูดฝุ่นมาให้เขาซ่อมก็ตาม
สิ่งที่เรารักสุด ๆ ในหนังหัวข้อนี้คือความดิบ และเรียบไม่ยาก แต่แอบซ่อนเนื้อหาน่ารัก ๆ ไว้ให้พวกเราแอบอมยิ้มปนน้ำตาซึม หรือบางฉากก็รวดร้าวปวดดวงใจ หนัง musical ขนาดที่ Steven Spielberg เองยังเอ่ยปากดูใน USA Today ที่หนังเล็ก ๆ ประเด็นนี้ได้ให้สิ่งจูงใจกับเขาอย่างมหาศาล
ต้นสายปลายเหตุผลหนึ่งคงจะเป็นความสมจริงในอารมณ์วิชาการสึกที่คนดูเองก็ยังรับรู้ได้ ซึ่งบทเพลงในหัวข้อนี้ก็เป็นฝีมือการสร้างสรรค์ของพระนางเอง Marketa Irglova และ Glen Hansard หมวดเขาเคยทำเพลงร่วมกันในนาม The Swell Season และส่งให้เพลง Falling Slowly ได้รางวัลเพลงออริจินัลดีที่สุดในออสการ์มาแล้ว
The Social Network : A Familiar Taste (Photo From Taaasty.com)
รูปยนต์คุณภาพ ที่ถ่ายทอดถึงชีวที่มาที่ไปของ ‘Mark Zuckerberg’ ซึ่งเป็นผลงานนั่งแท่นกำกับของ ‘David Fincher’ (Fight Club,Se7en,Gone Girl) ก่อนผลงานจะเป็นภาพเป็นร่าง ปรากฏมีข้อมูลข่าวสารมาว่า..งานนี้ผู้กำกับ ลุง Fincher ลงทุนตามจีบ ‘Trent Reznor’
สุดยอดได้โปรดิวเซอร์ นักร้องและนักแต่งเพลง (ผู้เคยสร้างตำช้านานอย่างวง Industrial Rock อย่าง Nine Inch Nails มาแล้ว!!) ให้มาชมแลซาวด์ประสมทั้งปวงของหนังประเด็นนี้ครับ… แต่เชื่อมั้ยว่า กว่าทาง ‘Trent Reznor’ จะเซย์เยส กับThe Social Network ทำเอาลุง Fincher ถึงกับตามตื้อเหงือกแห่งอย่างยิ่งจริงๆ!! (แต่ผลลัพท์ออกมาคุ้มค่าแก่การรอคอยครับผมลุง)
The Sound Of Music
หนังเพลงย้อนยุคสุดคลาสสิกที่จะนำความสำราญมาให้คนดูอย่างจุใจ”กัปตันฟอน แทรป” พ่อม่ายลูก 7 ที่เคยจ้างพี่เลี้ยงมาชมแลลูก ๆ จอมซนมาแล้วถึง 12 คน ด้วยความเจ้ากฎที่ต้องปฏิบัติตามและความซนของเด็ก ๆ นำมาซึ่งการทำให้ไร้พี่เลี้ยงผู้ใดกันที่ทนไหว
แต่แล้ว “มาเรีย” สาวสวยที่มีใจรักในเสียงเพลงได้ถูกส่งตัวมาเพื่อเป็นพี่เลี้ยงคนใหม่ เธอสอนให้เด็ก ๆ ร้องเพลง และยังเป็นเหตุให้กัปตันแปรเปลี่ยนเป็นคุณพ่อผู้อ่อนโยนได้อีกต่างหาก ถึงแม้ทั้งคู่ตกหลุมรักกัน แต่กัปตันมีคู่หมั้นอยู่แล้ว มาเรียจึงตัดสินใจหนีออกไปจากบ้านไปเป็นแม่ชี หนัง musical ภายหลังที่เธอออกไปเด็ก ๆ ก็ไม่ร่าเริงเหมือนตามเคย หมวดหมู่เขาตัดสินใจตามหามาเรียและทั้งคู่ก็ได้เหมือนกันแต่งงานกันท้ายที่สุด แต่เหตุการณ์ยังไม่จบเพียงเท่านี้ เหตุเพราะพวกเขาต้องหลบหนีนาซี ในณ เวลาสงครามโลกครั้งที่ 2 อีกด้วย
The Wizard of Oz
ภาพยนตร์เพลงแนวแฟนตาซีในปี 1939 จากผลงานการกำกับของ Victor Fleming ถือได้ว่าเป็นหนังเพลงแฟนตาซียุคแรกๆที่สร้างความจับจิตจับใจให้กับคนดูทั่วทั้งโลก ซึ่งมีบทเพลงที่โด่งอย่างกับมาถึงรายวันนี้คือ Somewhere Over the Rainbow ขับร้อง Judy Garland
CONTROL (2007)
ถ้ามองจากสายตาของแฟนเพลงแล้ว ชีวิตของศิลปินนักร้องที่ถูกห้อมล้อมด้วยความรักและความสำเร็จ น่าจะเป็นชีวิตที่ผู้ใด ๆ ปรารถนา แต่การปลิดชีวิตตัวของเราเองของนักร้องในตำนานหลายๆ ๆ คน คือสิ่งรับรองว่าชีวิตที่อยู่ภายใต้การจับจ้องของสังคม คือความกดดันที่ไม่ใช่ผู้ใดก็สามารถต่อกรได้ โดยเฉพาะเป็นอย่างมากคนที่ควรต้องเผชิญปัญหาสุขภาพและชีวิตคู่ที่กำลังร้าวฉานไปเป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน อาทิเช่น Ian Curtis นักร้องหนุ่มที่กำลังแจ้งเกิดกับ Joy Division สุดยอดวงโพสต์พังก์ของอังกฤษ ผู้เลือกเฟ้นจบชีวิตตนเองในวัยเพียง 23 ปี
Control สร้างจากหนังสือชีวความเป็นมาของ Deborah Curtis ภรรยาหม้ายของ Ian Curtis โดยได้ Anton Corbijn ช่างรูปและผู้กำกับเอ็มวีระดับตำยาวนาน มารับบทบาทกำกับรูปยนตร์ เขาคัดเลือกถ่ายทอดหนังในสไตล์ขาวดำ เพื่อจะให้ผู้ชมเข้าถึงความหมองหม่นในชีวิตและงานเพลงของ Ian Curtis ได้อย่างบริบูรณ์ที่สุด
Sing Street รักคนไหนให้ร้องเพลง (2016)
หนังบอกเล่าถึงเรื่องราวของ คอเนอร์ เด็กหนุ่มจากเมืองดับบลิน ที่ด้วยภาวะเศรษฐกิจนำมาซึ่งการทำให้จะต้องย้ายออกมาจากโรงเรียนเดิมไปอยู่อีกโรงเรียนที่แย่กว่า หนัง musical ที่ตรงนั้นทำให้เขาได้เผชิญกับ ราฟีน่า สตรีสาวสุดสวยที่เธอจะมายืนรอใครซักคนอยู่หน้าโรงเล่าเรียนเป็นประจำ คอเนอร์ตกหลุมรักราฟีน่าเข้าอย่างจัง จนเมื่อได้ทราบว่าราฟีน่าใฝ่ฝันที่จะเป็นนางแบบชั้นโลกจึงได้เอ่ยปากหว่านล้อมให้ราฟีน่ามาเป็นนางเอกเอ็มวีในวงดนตรีของตนเอง แต่ปัญหาก็คือเขาไร้วงดนตรี? คอเนอร์ก็เลยจำเป็นต้องรวบรวมเพื่อที่จะนๆที่สุดแสนจะแปลกประหลาดมาร่วมกันตั้งขึ้นวงดนตรีเพื่อที่จะสานฝันของตนให้สำเร็จ
Just A Girl – No Doubt (จากรูปยนตร์ Captain Marvel)
เพลง ‘Just A Girl’ ของ No Doubt วงราวกับในยุค 90 โดยเพลงนี้ถูกเอามาคลุกเคล้ากันในภาพยนตร์ Captain Marvel ในส่วนท้ายของเรื่องในฉากต่อสู้ของ Captain Marvel (รับบทโดย Brie Larson)
Music and Lyrics สี่ห้องใจนี้ มีแต่เสียงเธอ (2007)
อเล็กซ์ นักดนตรีตกอับที่ต้องตระเวนเล่นดนตรีตามงานแฟร์และสวนเบิกบาน แต่ทว่าเขาได้รับจังหวะจาก คอร่า ราชินีเพลงผู้โด่งดัง ที่ได้เชื้อเชิญให้เขาแต่งเพลงรักและร้องคู่กับเธอ ข้อขัดข้องอยู่ที่ว่าอเล็กซ์ไม่ได้แต่งเพลงรักมานานมากแล้ว และครั้งนี้เขาจำเป็นต้องแต่งเพลงฮิตขึ้นมาให้ได้ จวบจนการเข้ามาของ โซฟี ผู้หญิงสาวที่มีเสน่ห์และถูกใจพูดคำคมต่างๆออกมา เธอเทียบเสมือนแรงกระตุ้นให้กับอเล็กซ์สำหรับในการแต่งเพลง ความเชื่อมโยงที่ทอดผ่านเสียงเพลงก็เลยค่อยๆก่อตัวขึ้นผ่านความข้างหลังครั้งสมัยเก่าที่ไม่ดีของโซฟี
Hedwig and the Angry Inch รูปยนตร์เพลงในปี 2001 เป็นหนังเพลงแกลมร็อคที่เล่าเรื่องเพศผ่านเสียงเพลงได้อย่างจัดจ้านและประเด็นให้ตีความในแง่มุมของความรักบนความไม่เหมือนกัน การตามหาครึ่งเดียวที่ขาดหายไป รวมทั้งเพศสภาพบนความปรับเปลี่ยนของทัศนคติผู้คน โดย John Cameron Mitchell เป็นผู้กำกับ เขียนบท และชี้ให้เห็น เป็นตัวละครนำของเรื่องที่ชื่อเรื่อง เฮดวิก หนังคว้ารางวัลในเทศกาลหนังทั้งโลก